Damus
Jakk Goodday profile picture
Jakk Goodday
no rush. just growth.

"ในวันที่โลกตะโกนบอกให้เราวิ่งให้เร็วที่สุด...
ความกล้าหาญที่แท้จริง อาจเป็นการยืนยันเงียบๆ ว่า... ฉันจะเดินในจังหวะของฉันเอง'"



หลายปีมานี้ ผมเริ่มคุ้นชินและโอบกอดจังหวะชีวิตใหม่ของตัวเอง

เป็นจังหวะที่ไม่ต้องคอยเร่งฝีเท้าเพื่อแซงหน้าใคร และหมดความรู้สึกที่ต้องพิสูจน์ตัวเองให้โลกยอมรับ

ในสายตาคนภายนอก ผมอาจดูเหมือนคนเงียบเชียบ ตอบสนองต่อสิ่งรอบตัวช้าลง และใช้เวลาไตร่ตรองนานขึ้นกว่าจะเอื้อนเอ่ย

เมื่อเจอแรงปะทะ ก็มักจะทำเพียงส่งยิ้มน้อยๆ แล้วนิ่งฟัง

ความนิ่งที่ว่านี้ แท้จริงแล้วคือความรู้สึกที่ตื่นรู้อยู่ภายในอย่างเต็มเปี่ยม

ผมยังคงรับรู้ถึงความเจ็บปวด ความเหนื่อยล้า ความเสียใจ หรือความหวั่นไหวได้ชัดเจนเฉกเช่นคนทั่วไป

ทว่าสิ่งที่เปลี่ยนไป คือการที่ผมหวงแหนพื้นที่ว่างก่อนที่จะปล่อยให้คำพูดหรือการกระทำหลุดออกไป

ผมเลือกที่จะเว้นจังหวะ ให้หัวใจได้มีโอกาสหายใจและจัดระเบียบตัวเองก่อนเสมอ

ประโยคที่ผมใช้กล่อมเกลาใจตัวเองอยู่เสมอก็คือ

"ไม่ต้องเร่ง... ขอแค่ให้เติบโต"

การเติบโตในความหมายของผม คือ ความงอกงามในรายละเอียดเล็กๆ ของความรู้สึก

เช่น การสังเกตว่าคลื่นอารมณ์ที่เคยโหมกระหน่ำ วันนี้มันเบาแรงลงบ้างไหม

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ในหัวที่เคยดังอื้ออึง ปีนี้มันแผ่วลงไปบ้างหรือยัง

หรือในยามที่ถูกเข้าใจผิด ใจเรายังร้อนรนที่จะรีบแก้ต่าง หรือเริ่มวางเฉยและปล่อยผ่านได้ดีขึ้น

ในทุกๆ วัน ผมจึงมักกันพื้นที่เงียบสงบไว้มุมหนึ่ง
อาจเป็นยามเช้าตรู่ก่อนที่โลกจะตื่น หรือยามค่ำคืนที่เสียงอึกทึกจางหาย

ช่วงเวลานั้นเปรียบเสมือนการเดินเข้าสู่ห้องทดลองส่วนตัวในใจ ห้องที่ปราศจากผู้พิพากษา มีเพียงคำถามง่ายๆ ที่ไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบของตัวเอง

"วันนี้... มีอะไรที่สะกิดใจเราแรงที่สุด?"

"ความกลัวแบบไหนกันนะ ที่ซ่อนอยู่หลังคำพูดเมื่อเช้า?"

"ทำไมเรื่องเล็กเพียงแค่นั้น ถึงทำให้เราหงุดหงิดได้ขนาดนี้?"

ผมมองทุกอารมณ์เป็นข้อมูลที่ล้ำค่า เพื่อใช้ทำความเข้าใจรูปแบบของจิตใจ มากกว่าจะใช้เป็นไม้เรียวไว้คอยเฆี่ยนตีตัวเอง

บางวันอ่านบันทึกใจแล้วก็นึกขำในความดื้อรั้นของตัวเอง แต่บางวันก็นั่งนิ่งไปนาน เพราะตระหนักได้ว่าบางเรื่องราวยังไม่ตกผลึกดี

เจตนาของผม คือความตั้งใจที่จะรับผิดชอบต่อแรงสั่นสะเทือนภายในใจตัวเอง

ดูแลมันให้ดี... เพื่อไม่ให้มวลอารมณ์เหล่านั้น ไหลบ่าไปกระแทกคนรักหรือคนใกล้ชิดโดยไม่จำเป็น

เมื่อมองชีวิตผ่านเลนส์ของความเข้าใจเช่นนี้ คำเร่งเร้าอย่าง... "ต้องรีบหาย ต้องรีบเก่ง ต้องรีบลืม" จึงค่อยๆ เลือนหายไป

และถูกแทนที่ด้วยคำถามที่เรียบง่ายกว่าเดิม...

"วันนี้... เราเข้าใจตัวเองเพิ่มขึ้นอีกนิดแล้วใช่ไหม?"

"ความโกรธเกรี้ยว... ช้าลงกว่าปีก่อนหรือเปล่า?"

"และเรา... ให้อภัยตัวเองได้เก่งขึ้นบ้างไหม?"

หากในหนึ่งปี ผมสามารถตอบว่า ใช่ ได้เพียงไม่กี่ข้อ ผมก็นับว่าปีนั้นเป็นปีที่คุ้มค่าและไม่เสียเปล่าเลย

จังหวะก้าวเดินจากนี้ จึงไร้ซึ่งเสียงนาฬิกาที่คอยกดดัน เหลือเพียงเสียงกระซิบเบาๆ จากหัวใจที่บอกว่า...

ค่อยเป็นคน ค่อยเป็นใจ และค่อยๆ เติบโตลึกลงไป... ในความจริงของตัวเองก็พอ

#JAKKDIARY #SIAMSTR