Damus
satuser profile picture
satuser
@satuser

satoshi is in the word 🌳

Relays (14)
  • ws://umbrel.local:4848 – read & write
  • wss://relay.damus.io – read & write
  • wss://sign.siamstr.com – read & write
  • wss://relay.nostr.band – read & write
  • wss://nos.lol – read & write
  • wss://eden.nostr.land – read & write
  • wss://filter.nostr.wine – read & write
  • wss://nostr.wine – read & write
  • wss://nostrue.com – read & write
  • wss://pyramid.fiatjaf.com – read & write
  • wss://relay.siamstr.com – read & write
  • wss://nostr1.tunnelsats.com – read & write
  • wss://nostr.bitcoiner.social – read & write
  • wss://relay.nostr.info – read & write

Recent Notes

satuser profile picture
Transnational Consciousness (สำนึกข้ามชาติ)

Consensus Mechanism: ผู้ใช้งานทั่วโลกตกลงในกฎเดียวกัน (Code is Law) โดยไม่สนกฎหมายท้องถิ่น

สร้าง "รัฐทางดิจิทัล" (Network State) ที่มีกฎระเบียบของตนเอง

#NetworkState #siamstr 🌐
satuser profile picture
เรือชูชีพสำหรับชนชั้นนำ (The Lifeboat Strategy)

Rees-Mogg ไม่ได้เขียนหนังสือเพื่อคนทั่วไป แต่เขียนเพื่อ "Sovereign Individual" หรือกลุ่มชนชั้นนำทางปัญญา (Cognitive Elite) ที่เขามองว่าจะเป็นผู้ชนะในโลกยุคใหม่ เขาทำนายว่ารัฐสวัสดิการจะล่มสลายจากการแบกรับหนี้สินมหาศาล (ซึ่งเกิดขึ้นจริงในวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ 2008) และจะหันมาปล้นความมั่งคั่งจากชนชั้นกลางและคนรวยผ่านภาษีและเงินเฟ้อ  

ดังนั้น การสร้าง Bitcoin จึงไม่ใช่การกุศล แต่เป็น "ความจำเป็นเพื่อความอยู่รอด" (Survival Necessity) ของกลุ่มทุนเก่าที่ต้องการรักษามูลค่าทรัพย์สินข้ามศตวรรษ การสร้างระบบเงินที่รัฐยึดไม่ได้ คือหนทางเดียวที่จะปกป้อง "Dynastic Wealth" หรือความมั่งคั่งของตระกูล

#siamstr
satuser profile picture
ทฤษฎี "Megapolitical Cycles" (วัฏจักรเมกะการเมือง)

แนวคิดแกนกลางของ Rees-Mogg คือ "Megapolitics" ซึ่งอธิบายว่ารูปแบบการปกครองของมนุษย์ขึ้นอยู่กับ "ต้นทุนของความรุนแรง" (Cost of Violence)  

• ยุคเกษตรกรรม/อัศวิน: การป้องกัน (ปราสาท/เกราะ) ได้เปรียบ -> เกิดระบบศักดินา

• ยุคอุตสาหกรรม: การโจมตี (ปืนใหญ่/กองทัพขนาดใหญ่) ได้เปรียบ -> เกิดรัฐชาติรวมศูนย์ที่ต้องรีดภาษีมหาศาลเพื่อเลี้ยงกองทัพ

• ยุคสารสนเทศ (Information Age): เทคโนโลยีการเข้ารหัส (Encryption) ทำให้การป้องกันสินทรัพย์ (ผ่านรหัสลับ) มีต้นทุนต่ำมหาศาล ในขณะที่การโจมตีหรือยึดทรัพย์มีต้นทุนสูงมาก -> อำนาจจะกลับคืนสู่ปัจเจกบุคคล

Bitcoin คือจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายของทฤษฎีนี้ มันคือเทคโนโลยีที่ทำให้การยึดทรัพย์สินทางดิจิทัลเป็นไปไม่ได้หากไม่มีกุญแจส่วนตัว (Private Key) ซึ่งเป็นการยืนยันทฤษฎีของ Rees-Mogg ในทางปฏิบัติ

#siamstr
satuser profile picture
Lord William Rees-Mogg – ขุนนางผู้พยากรณ์ความล่มสลายของรัฐ

ประวัติและสถานะทางสังคม: ความย้อนแย้งของผู้ดีอังกฤษ
Lord William Rees-Mogg (1928–2012) เป็นบุคคลที่มีความซับซ้อนในตัวเองสูง เขาเป็นสัญลักษณ์ของชนชั้นนำเก่า (Old Establishment) ของอังกฤษ จบการศึกษาจาก Charterhouse และ Oxford เคยดำรงตำแหน่งบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ The Times (1967–1981) รองประธานบอร์ดผู้ว่าการ BBC และเป็นสมาชิกสภาขุนนาง (House of Lords)  

อย่างไรก็ตาม ภายใต้เปลือกนอกของขุนนางอนุรักษ์นิยม Rees-Mogg กลับมีความคิดที่รุนแรงในเชิงเสรีนิยม (Libertarianism) และต่อต้านระบบรัฐสวัสดิการอย่างถึงรากถิ่น เขาเชื่อว่าระบบการเมืองแบบประชาธิปไตยในศตวรรษที่ 20 กำลังเดินหน้าสู่ความล้มเหลวเนื่องจากการใช้จ่ายเกินตัวและการผูกขาดอำนาจของรัฐ สิ่งนี้ทำให้เขากลายเป็น "Anarcho-Capitalist" ในคราบผู้ดีอังกฤษ แนวคิดของเขาคือการสนับสนุนให้ปัจเจกบุคคลที่มีศักยภาพ (Sovereign Individual) แยกตัวออกจากอำนาจการควบคุมของรัฐ 

ความเชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์การเงินและทองคำ
จุดเด่นที่ทำให้นักวิเคราะห์หลายคนจับตามอง Rees-Mogg คือความรู้ลึกซึ้งเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การเงิน เขาเป็นผู้สนับสนุนมาตรฐานทองคำ (Gold Standard) อย่างแข็งขัน และเป็นนักวิจารณ์ตัวยงของการยกเลิกมาตรฐานทองคำในปี 1971 ความหมกมุ่นในการค้นหา "เงินที่แท้จริง" (Real Money) เพื่อรักษามูลค่าทรัพย์สินจากการพิมพ์เงินของรัฐบาล คือแรงจูงใจเดียวกับที่ระบุไว้ใน Bitcoin Whitepaper

#siamstr #TheSovereignIndividual
satuser profile picture
Sound Money - เงินที่รัฐไม่สามารถบิดเบือนมูลค่าได้

#siamstr
satuser profile picture
Bitcoin ไม่ใช่เพียงสิ่งประดิษฐ์ทางเทคโนโลยี แต่เป็น "คำพยากรณ์ที่ถูกทำให้เป็นจริง" (Self-fulfilling prophecy) ของชนชั้นนำทางปัญญาที่มองเห็นจุดจบของรัฐชาติสมัยใหม่

#siamstr
satuser profile picture
[...] ผลลัพธ์ที่แท้จริงยังถูกกำหนดรูปร่างโดยความขัดแย้ง รวมถึงความรุนแรงที่เปิดเผย ตามที่นักเศรษฐศาสตร์ Hirshleifer ชี้ให้เห็น "แม้ภายใต้กฎหมายและรัฐบาล บุคคลที่มีเหตุผลและผลประโยชน์ส่วนตัวจะสร้างความสมดุลระหว่างวิธีการที่ถูกกฎหมายและผิดกฎหมายในการได้มาซึ่งทรัพยากร - ระหว่างการผลิตและการแลกเปลี่ยนในด้านหนึ่ง และการขโมย การฉ้อโกง และการขู่กรรโชกในอีกด้านหนึ่ง"

#interferestep ⚡️ #invisiblehand
satuser profile picture
[...] ยุคแห่งข้อมูลข่าวสารยังไม่ได้กลายเป็นยุคแห่งความเข้าใจ ตรงกันข้าม มีการลดลงอย่างรวดเร็วในความเข้มงวดของการอภิปรายสาธารณะ โลกในตอนนี้อาจรู้มากกว่าในอดีต แต่แทบไม่มีเสียงสาธารณะที่เหลืออยู่เพื่อประเมินความหมายของเหตุการณ์และบอกว่าอะไรเป็นความจริง [...]
satuser profile picture
เรากำลังเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วไปสู่โลกที่ข้อมูลจะถูกปลดปล่อยจากขอบเขตของความเป็นจริงอย่างสมบูรณ์เท่าที่ความเฉลียวฉลาดของมนุษย์จะทำได้ แน่นอนว่าสิ่งนี้จะมีผลกระทบอย่างมหาศาลต่อคุณภาพและลักษณะของข้อมูลที่คุณได้รับ ในโลกแห่งความเป็นจริงเสมือนและการส่งผ่านทุกสิ่งทุกอย่างในทันที ความซื่อสัตย์ในการตัดสินและความสามารถในการแยกแยะความจริงจากความเท็จจะยิ่งมีความสำคัญมากขึ้น


#siamstr
#TheSovereignIndividual 👩🏼‍💻🌎👨🏻‍💻
satuser profile picture
"ชมรมดินแดนที่แข่งขันกัน"

นี่เป็นมากกว่าทฤษฎีล้วนๆ ตามที่นักเศรษฐศาสตร์ Charles Tiebout ได้อธิบายไว้ครั้งแรกในปี 1956 ตามที่นักเศรษฐศาสตร์ Fred Foldvary ได้บันทึกไว้ใน "สินค้าสาธารณะและชุมชนเอกชน: การจัดหาบริการสังคมโดยตลาด" ไม่มีเหตุผลที่จำเป็นว่าบริการสังคมและสินค้าสาธารณะจำนวนมากต้องถูกจัดหาโดยวิธีการทางการเมือง

ตัวอย่างของ Foldvary ในบรรดาตัวอย่างอื่นๆ ยังยืนยันทฤษฎีที่เป็นที่ถกเถียงของ Ronald Coase นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบลที่ว่า "การแทรกแซงของรัฐบาลไม่จำเป็นในการแก้ไขปัญหาผลกระทบภายนอก" เช่น ปัญหามลพิษ ผู้ประกอบการสามารถจัดหาสินค้าส่วนรวมโดยวิธีการทางการตลาดได้ หลายคนทำเช่นนั้นอยู่แล้วในชุมชนในโลกแห่งความเป็นจริง

กรณีศึกษาของ Foldvary แสดงให้เห็นว่าการแปรรูปชุมชนเป็นเอกชนสามารถส่งผลให้เกิดกลไกใหม่ในการจัดหาและจัดหาเงินทุนสำหรับสินค้าและบริการสาธารณะได้อย่างไร